วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เกาะบาหลี

















ข้อมูลทั่วไปเที่ยวบาหลี สวรรค์บนดิน
" เกาะบาหลี ได้รับการขนานนามว่า “อัญมณีแห่งมหาสมุทรอินเดีย” อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะชวา บาหลีเป็นเกาะเล็กๆ ที่มีความยาวจากหัวเกาะถึงท้ายเกาะประมาณ 150 กิโลเมตร อยู่ติดกับเกาะชวา มีประชากรประมาณ 3 ล้านคน บาหลีได้ฉายาว่า เกาะมรกต เพราะมีต้นไม้เขียวขจีไปทั้งเกาะ เนื่องจากได้รับการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมไว้ดีเยี่ยม มีกฏหมายไม่ให้ปลูกสิ่งก่อสร้าง ที่เป็นสิ่งแปลกปลอมจากธรรมชาติ โดยอาคารที่สร้างจะสูงกว่า 15 เมตรไม่ได้ บาหลีเป็นตัวอย่างของแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการดูแลรักษาเอาไว้ให้คงอยู่ในสภาพเดิมมากที่สุด ธรรมชาติที่บริสุทธิ์เป็นเสน่ห์ของบาหลี ที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากไปชมกัน ความหลากหลายและมนต์เสน่ห์ของเกาะบาหลี ถูกขนานนามมากมายว่าเป็น เกาะแห่งพระเจ้าบ้าง เป็นจุดรุ่งอรุณของโลกบ้าง ทั้งหมดนี้ เกิดจากความประทับใจของผู้ที่เคยไปเยือน
ประวัติของเกาะบาหลีมีอยู่ว่า เจ้าหญิงมเหนทราดัตตา (Princess Mahendratta) แห่งชวาตะวันออก ทรงอภิเษกสมรสกับกษัตริย์บาหลี พระนามว่า พระเจ้าอุดายัน (King Udayana) ทั้งสองมีโอรสชื่อ เจ้าชายเอร์ลังกา (Erlangga) ซึ่งต่อมาได้ปกครองเกาะชวา เจ้าชายส่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไปปกครองเกาะบาหลี ครั้นถึงปี ค.ศ. 1343 ชวาตะวันออกต้องอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ราชวงศ์มัชปาหิต ซึ่งนับถือศาสนาฮินดู ชาวอินโดนีเซียยุคนั้น จึงหันมาบูชาเทพเจ้าตามหลักศาสนาฮินดู ในศตวรรษที่ 15 พ่อค้าชาวอินเดียนำศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแพร่ ศาสนาอิสลามเติบโตขึ้น จนชาวอินโดนีเซียที่เป็นมุสลิม มีจำนวนมากขึ้น ชาวเกาะชวาที่นับถือศาสนาฮินดู จึงหนีไปอยู่ที่เกาะบาหลี เมื่อโปรตุเกสกับดัตช์เข้ามารุกรานอินโดนีเซีย นักล่าอาณานิคมทั้งสองประเทศ ไม่สนใจและไม่รู้จักบาหลี ทั้งๆ ที่ชาวดัตช์ ขนทาสที่เอามาทำไร่ชาและกาแฟ มาขึ้นบกที่หาดคูต้าของเกาะบาหลี ในศตวรรษที่ 18 ดัตช์กลัวว่าอังกฤษจะเข้ามายึดครองหมู่เกาะแถวนี้ จึงส่งกอง
ทหารออกสำรวจและยึดหัวเมืองตามเกาะต่างๆ เป็นเมืองขึ้นของดัตช์ กองเรือดัตช์กับทหาร 7000 นาย ยกกำลังมาที่เกาะบาหลี ชาวเกาะต่อสู้อย่างกล้าหาญด้วยอาวุธที่ล้าสมัย ในการรบครั้งนั้นทหารดัตช์ สังหารชาวบาหลีตายไปหลายหมื่นคน กษัตริย์บาหลีในเวลานั้นชื่อ พระเจ้าการังกาเสม (Raja Karanggasem) แม้จะสู้ไม่ได้ พระองค์ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เมื่อจวนตัวเข้าที่คับขัน พระองค์กับสมาชิกภายในพระราชวงศ์ทั้งหมดก็ตัดสินใจทำพิธีปูปูตัน (Puputan) คือสู้จนตัวตาย ด้วยการพร้อมใจกันฆ่าตัวตามหมู่ ไม่ยอมถูกจับเป็นเชลยของชาวดัตช์ ประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย จารึกการฆ่าตัวตายหมู่ครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งในปี ค.ศ. 1906 เกิดการจลาจลขึ้นที่เมืองกลุงกุง ดัตช์ส่งกำลังทหารเข้าล้อมปราบผู้ก่อการจลาจลอย่างโหดร้าย จนกลายเป็นสงครามย่อยๆ ระหว่างดัตช์กับชาวบาหลี เมื่อชาวเกาะพ่ายแพ้ เจ้าผู้ครองนครกลุงกุงทรงนำพระราชวงศ์และข้าราชบริพารที่จงรักภักดี พร้อมด้วยชาวเกาะบาหลีจำนวนหนึ่ง ทุกคนแต่งกายด้วยชุดขาวล้วน พร้อมใจกันทำพิธีปูปูตัน โดยกษัตริย์มอบกริชประจำพระองค์ให้นักบวชของราชสำนักใช้กริชนั้นแทงพระองค์เป็นคนแรก จากนั้นพวกที่เหลือก็ทำการสังหารกันเอง เป็นการฆ่าตัวตายตามพิธีปูปูตัน คาดว่าในครั้งนั้น มีคนตายไปเกือบ 2000 คน หลังจากนั้นได้ไม่นาน


..........................................................................................................................................................ที่ตั้งและอาณาเขตของบาหลี บาหลีอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะชวา บาหลีเป็นเกาะเล็กๆ ที่มีความยาวจากหัวเกาะถึงท้ายเกาะประมาณ 150 กิโลเมตร อยู่ติดกับเกาะชวา มีพื้นที่ 5,634.40 ตารางกิโลเมตร ระยะ เหนือ - ใต้ ยาว 90 กม. ; ตะวันออก - ตก ยาว 150 กม., มี ชายหาดรวม 529 กิโลเมตร ตั้งอยู่ระหว่างเส้นรุ้ง(Latitude) 8 องศา 03'40" - 8 องศา 50'48" ใต้ ระหว่างเส้นแวง(Longitude) 114 องศา 25'53" – 115 องศา 42'40" ตะวันออก
..........................................................................................................................................................เขตเวลาของบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย แบ่งออกได้เป็น 3 เขตเวลา โดยเกาะบาหลีใช้เวลามาตรฐานอินโดนีเซียกลาง ซึ่งเร็วกว่าเวลามาตรฐานที่เมืองกรีนิซ (GREENWICH) 8 ชั่งโมง หรือเร็วกว่าประเทศไทยหนึ่งชั่งโมง และเท่ากับเวลาที่สิงคโปร์และฮ่องกง
......................................................................................................................................................สภาพภูมิอากาศในบาหลี เนื่องจากบาหลีตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรอุณหภูมิจึงตกอยู่ในช่วง 21-32 องศาเซลเซียส (70-90 อาศาฟาเรนไฮน์) โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 26 อาศาเซลเซียส (78 องศาฟาเรนไฮน์) บาหลีมีฤดูกาลเพียง 2 ฤดู คือ ฤดูแล้งและฤดูมรสุม ฤดูแล้งเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน โดยมีเดือนกรกฎาเป็นเดือนที่มีอากาศเย็นที่สุดในช่วงปี ฤดูมรสุมเริ่มตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน – เมษายน เดือนมกราคม เป็นเดือนที่มีปริมาณน้ำฝนสูงที่สุดของปี สภาพอากาศของบาหลีมีความชื้นราว 75 % ตลอดปี
...................................................................................................................................................การแต่งกายของชาวบาหลี ชาวอินโดนีเซียให้ความสำคัญกับการวางตัวในที่สาธารณะ การแต่งกายก็สำคัญ กิริยาท่าทางแบบฮิปปี้ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในหมู่คนท้องถิ่น การสวมใส่เสื้อผ้าเก่าๆ เยินๆ อาจลดโอกาสของคุณที่จะได้รับบริการดีๆ ไปได้ โดยเฉพาะในสถานที่ราชการ เสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้น และกระโปรงสั้นไม่ใช่เครื่องแต่งกายที่เหมาะสม เครื่องแต่งการสำหรับผู้ชายที่ควรสวมใส่เมื่อเข้าสถานที่ราชการคือ กางเกงขายาวและเสื้อมีแขน กระโปรงชุดหรือเสื้อมีแขนและกระโปรงสำหรับผู้หญิง สำหรับวาระสำคัญหรือในงานที่เป็นทางการ ผู้ชายมักใส่เสื้อบาติก (BATIK) หรือ อิกัต (IKAT) และกางเกงขายาว ส่วนผู้หญิงมักสวมกระโปรงชุด เสื้อแจ็กเก็ตชนิดบางหรือเสื้อสเว็ตเตอร์ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางในพื้นที่ภูเขา
การเยี่ยมชมวัด คุณต้องแต่งกายอย่างสุภาพ ในชุดปะคะเอียน อะดัต (PAKAIAN ADAT หรือเครื่องแต่งกายท้องถิ่น) ซึ่งประกอบด้วย เคน (KAIN) เคอบะยา (KEBAYA) และผ้าคาดสำหรับผู้หญิง และอุเดง (UDENG หรือผ้าพันศรีษะ) เคน และ ซะปุต (SAPUT หรือ กระโปรง) เสื้อสุภาพ และผ้าคาดสำหรับผู้ชาย คุณควรมีผ้าโสร่ง ติดตัวไว้ด้วยในกรณีที่คุณใส่ขาสั้น หากคุณเห็นว่าในวัดกำลังมีพิธีกรรม คุณควรรออยู่ด้านนอกจนงานเสร็จ คุณไม่ควรลืมว่า งานประจำเทศกาลของวัด และพิธีกรรมอื่นๆ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สำหรับชาวบาหลี และควรแต่งการให้เหมาะสมกับกาลเทศะ